thoughts

จากใจ คนในวงการ(เอเจนซี่) ถึงประชนชาวพันทิป - pantip.com

จากเนื้อหาในโพสโดยคุณ Zurina:

เช่นกัน Blogger เอง ใช้จำนวน Fan ที่มา กด like เพจตัวเอง เป็นราคาต่อรองกับ แบรนด์และเอเจนซี่ อาทิเช่น เดี้ยนมี แฟนเพจตั้ง 185 คน เดี้ยนคิด 10 บาท ต่อคน ฉนั้น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ 900 ตัวอักษรนี้ เดี้ยนคิด 1850 บาท ถ้วนค่ะ หลายต่อหลายครั้ง แบรนด์และเอเจนซี่ก็ยินดีจ่าย เนื่องจาก มัน คุ้มค่าค่ะ เพราะไอ้ 185 คนนั้นเป็น Active User จริง ๆ มีตัวมีตนจริง อ่านจริง ซื้อจริง เป็นต้น

ผมไม่ค่อยได้เข้าเว็บ pantip แค่ความเห็นนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า การโฆษณาในปัจจุบันเปลี่ยนไป เป็นหันหน้าเข้ามายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์กันมากขึ้น

มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องนึงเมื่อนานจนเกือบจะลืมไปแล้ว

ผมรู้จักกับเจ้าของเว็ปนึง เกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่กินอยู่สร้างรายได้จากเว็ปตัวเอง เขาเคยเล่าให้ผมฟังว่า มีบ้างเหมือนกัน ที่เขียนรีวิวจากคำขอของทางสปอนเซอร์

การได้รับรู้เรื่องนี้อีกครั้ง ทำให้ผมนึกถึงความรู้สึกในตอนนั้นว่าเสียความรู้สึกเล็กน้อย แต่อย่างว่า เมื่อเวลาผ่านไป การทำเว็ปก็เป็นอาชีพนึง ที่ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ระหว่างเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองเอามารีวิว กับผู้อ่าน ... ไม่ต่างกับการทำสื่ออื่น ๆ ที่เคยมีเคยเป็นมาในท้องตลาด

พอมองแบบนี้ ผมรู้สึกดีขึ้น มาอีกนิดนึง

Brad Peebler on Cloud Computing - cgw.com

คุณ Brad เขียนเกี่ยวกับเทคโนโลยี Cloud Computing ที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในปีที่ผ่านมาครับ น่าสนใจ :)

16 Things I Wish They had taught me in School -positivityblog.com

แนวคิดง่าย ๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตหลังจากจบการศึกษาแล้ว :)

เรทติ้ง และ ความไม่เหมาะสมที่จะเด็กจะดูได้ - โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

“การจัดเรตติ้งมันผิดเพี้ยนไปหมด ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีการเอาเวลาออกไปจากระบบเรตติ้ง ละครที่เรตติ้ง น 13+ ซึ่งควรออกอากาศหลัง 22.00 น. เหมือนอย่างต่างประเทศ แต่กลับมาออกอากาศในช่วงหลังข่าวทันที 20.30 น. ไฟเขียวให้เด็กดูได้ ทั้งๆ ที่แต่ละเรื่องนั้นมีเนื้อหาชิงรักหักสวาท อาฆาตมาดร้าย ใช้กิริยาวาจาไม่เหมาะสม ถ่ายทอดความขัดแย้งรุนแรงตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ผมจึงเห็นว่าควรเลื่อนเวลาไปแพร่ภาพในเวลา 21.30 น. เป็นต้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสเข้ามาเห็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม”

เรื่องนี้คงเถียงกันไปอีกนาน เกี่ยวกับระบบเรทติ้งและความเหมาะสมที่แต่ละคนมีเส้นแบ่งไม่เหมือนกัน แต่สุดท้าย ทางออกที่แก้เรื่องนี้ได้ในระยะยาวที่ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดไม่ใช่หน่วยงานไหนในรัฐบาล

แต่คือ "ความอบอุ่นในครอบครัว" ที่พ่อ-แม่-ลูก ได้อยู่พร้อมหน้ากันในแต่ละวัน

คลิป: งานบรรยายเกี่ยวกับการตั้งบริษัทจาก กาย คาวาซากิ - ecorner.stanford.edu

การบรรยายในหลาย ๆ หัวข้อ มีทั้งเกี่ยวกับ Apple และเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับ marketing ที่น่าสนใจ และฟังสนุกครับ (ถึงจะเก่าแล้ว แต่ก็น่าจะยังใช้ได้อยู่)

ยิ่งเรียน(คุณภาพชีวิต)ยิ่งแย่ : เด็กไทย ใช้เวลาเรียนหนังสือในห้องเรียนมากที่สุดในโลก - มติชนออนไลน์

ยุทธชัย เฉลิมชัย นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ:

เด็กไทยเป็นชาติที่เด็กถูกบังคับให้เรียนในห้องเรียน โดยใช้ชั่วโมงเรียนในแต่ละวันมากที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับเด็กจีนที่มีความเครียดสูง ด้วย ประชากรที่เยอะ การแข่งขันจึงมีสูง ก็ยังใช้เวลาเรียนในห้องเรียนในแต่ละวันน้อยกว่าเด็กไทย

เห็นด้วยครับ ไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนเยอะ ๆ ก็ทำงานสุจริต และเป็นคนดีของสังคมได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่น่าจะลืมกันว่า ลูกไม่ใช่ตัวแทนแข่งขันที่จะเอาไว้อวดคนอื่น

ผมเคยอยู่ในแวดวงสอนพิเศษตอนเด็ก ๆ ได้คุยกับผู้ปกครองทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักหลายร้อยครอบครัว ผมได้เห็นทัศนคติตรงนี้ชัดเจนกว่าคนอื่น มันเป็นผลพลอยได้ที่อยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจที่ดี คือผมเชื่อว่าผู้ปกครองร้อยทั้งร้อยอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีด้วยการส่งให้เขาเรียนสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และมันเริ่มจากตรงนั้น

จนกลายมาเป็นเรื่องที่เอาไว้คุยกันในวงสนทนากับเพื่อนผู้ปกครองด้วยกัน และเป็นการสร้างความอยากมีอยากเป็นให้ลูกตัวเองโดยไม่รู้ตัว

คนที่ไม่เคยส่งลูกเรียนพิเศษ ก็เลยเอาตามบ้างทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สนใจว่าลูกตัวเองจะเรียนได้ไหม หรืออยากเรียน หรืออยากทำอะไรอย่างอื่นในเวลาว่าง หรือแม้แต่ถามตัวเองว่า ตัวเองอยากมีเวลาอยู่กับลูก มีเวลาให้ครอบครัว มากน้อยแค่ไหน

สถาบันครอบครัวไทยเราสั่นคลอนเพราะกระจายกันในช่วงเวลาระหว่างวันทำงานปรกติมากพออยู่แล้ว มันจะมาโยงถึงช่วงเสาร์ - อาทิตย์ ที่ควรจะเป็นเวลาที่ครอบครัวควรจะได้เจอหน้าอยู่ด้วยกันหรือใช้เวลาร่วมกันด้วย ?

ปัญหาสังคมส่วนใหญ่ที่เกิดจากเด็ก มักจะมาจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ใช่ไหมครับ? ผมไม่เคยเจอกรณีของปัญหาสังคมที่เกิดจากเด็กที่สมบูรณ์พร้อมในแง่สถาบันครอบครัว ที่พ่อแม่มีเวลาว่างอยู่ด้วยกัน และมีครอบครัวที่แข็งแรง หรือว่าอาจจะมี แต่คงมีน้อยกว่าเด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่นแน่ ๆ :)

note: ผมไม่ได้ต่อต้านการเรียนพิเศษในลักษณะที่ส่งเสริมทักษะหรือการเรียนเฉพาะด้านที่หาไม่ได้ในชั้นเรียนปรกติ แต่ผมไม่เข้าใจว่า ผู้ปกครองหลายครอบครัว มักจะส่งลูกให้กวดวิชาหรือเรียนซ้ำทุกวิชาที่มีในโรงเรียนเพื่ออะไร?

คลิป:The Diplomacy of Technology -ecorner.standford.edu

คุณ Alec Ross - Senior Advisor for Innovation in the Office of Secretary of State Hillary Clinton ให้ความเห็นเกี่ยวกับ internet freedom เอาไว้และมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวมุมมองของ internet ที่เป็นอยู่ในประเทศไทย (จากคลิป นาทีที่ 27 เป็นต้นไป)

that said in the year of 2009 was the worst history in terms of an internet freedom and while country like Iran and China get all the attention on this issues and while they sucked up all the oxygen. one of the thing that i think is very important to understand and be aware of is that, there are actually now a dozen of countries, from Thailand to Turkey to Vietnam and many many others who now view the internet as something that can be censored, something that can be built on some thing other than the end-user to the end-user principle.

ไม่เคยเขียนอธิบายเรื่องนี้ไว้บนแมคมือใหม่ ส่วนหนึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัว(แต่เพียงผู้เดียว) แต่คิดว่าเวลาผ่านไป คงมีคนถามหรือสงสัย เลยอยากจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ เหตุผลตั้งต้นเลยมาจากแบบนี้ครับ...